มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สรุปผลการดำเนินการโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๙

5,145

Loading

โครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  ประจำปี  ๒๕๕๙

โดย    กองกิจการนิสิต สำนักงานอธิการบดี

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑.๑ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

          มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้ดำเนินการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่เน้นความเป็นเลิศทางวิชาการ ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัยเท่านั้น ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมให้คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ พระบัณฑิต นิสิตและนักเรียนของมหาวิทยาลัยออกไปบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติ พระศาสนา ในระหว่างปิดภาคการศึกษา โดยจัดให้มีโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๓ เป็นต้นมา โดยการอบรมเยาวชน ประชาชนให้มีคุณธรรม จริยธรรม ประพฤติปฏิบัติอยู่ในหลักศีลธรรม  และสามารถนำหลักธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการห่างไกลอบายมุข  สิ่งเสพย์ติดทุกประเภท  เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้พระนิสิตได้ฝึกประสบการณ์การทำงานเพื่อสังคมและพระพุทธศาสนาโดยการประยุกต์พระพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาจิตใจและสังคมตามอัตลักษณ์มหาวิทยาลัย และนำไปสู่การผลิตบัณฑิตตามอัตลักษณ์บัณฑิตที่กำหนไว้ คือ “มีศรัทธาอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา”

ในปีการศึกษา ๒๕๕๙ กองกิจการนิสิต สำนักงานอธิการบดี ร่วมกับ วิทยาเขต คณะ วิทยาลัย ห้องเรียน และหน่วยวิทยบริการของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้จัดโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โดยมีจำนวนโครงการที่เสนอเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๔๕๒ โครงการ ประมาณการผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน ๙๖,๓๙๘ รูป/คน ในพื้นที่ ๕๑ จังหวัดทั่วประเทศ และในต่างประเทศ ๔ โครงการ

๑.๒ วัตถุประสงค์

๑. เพื่ออบรมเยาวชนให้มีความรู้ดี ประพฤติดี ตามหลักศีลธรรมของพระพุทธศาสนา

๒. เพื่อให้เยาวชนมีความรู้ความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมอันดีงานของชาติ

๓. เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักหน้าที่ มีระเบียบวินัย ใฝ่ใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ รู้จักโทษของอบายมุขและยาเสพติด

๑.๓ ผลการดำเนินงานตามโครงการ

ในการตรวจเยี่ยมหน่วยอบรมหัวหน้าหน่วยโครงการและการเข้าไปตรวจเยี่ยมโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนและ ที่เข้ารวมกิจกรรมได้สงเกตและสอบถามสัมภาษณ์ความคิดเห็นของกลุ่มสามเณรและเยาวชนที่มีศรัทธาในการบวช มีผลพฤติกรรมของเยาวชน ทำให้สามารถศึกษาความคิดเห็นของเยาวชนที่บวชในโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประจำปี ๒๕๕๙  ผลการดำเนินงานโครงการฯ พบว่า มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๔๕๒ โครงการ ประมาณการผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน ๙๖,๓๙๘ รูป/คน ในพื้นที่ ๕๑ จังหวัดทั่วประเทศ และในต่างประเทศ ๔ โครงการ ในการดำเนินงานกองกิจการนิสิต สำนักงานอธิการบดี ได้มีการจัดการสัมมนาหัวหน้าหน่วยอบรมเพื่อกำหนดกรอบในการบริหารโครงการและหลักสูตรที่ใช้ในการอบรมให้เป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ กองกิจการนิสิต สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้จัดสัมมนาหัวหน้าหน่วยอบรมโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน ต้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๕๙ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ภูมิพลอดุลยเดช และ    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ จำนวน ๔๕๒ แห่ง ขึ้น ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติในการจัดโครงการฯให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและรับฟังนโยบายจากผู้บริหารของมหาวิทยาลัย

การจัดโครงการดังกล่าวฯ มีกองกิจการนิสิต สำนักงานอธิการบดี เป็นผู้กำกับดูแลและอำนวยความสะดวกให้แด่หัวหน้าหน่วยที่เข้าร่วมอบรมสัมมนา โดยลำดับพิธีการได้เริ่มขึ้นในเวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นพิธีเปิดโครงการฯ โดยมี      พระราชวรมุนี,ดร. (พล อาภากโร ป.ธ.๙) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต และรองเจ้าคณะภาค ๖ เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และเปิดงาน โดยมีพระมหาประยูร โชติวโร ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต สำนักงานอธิการบดี ได้ถวายรายงานว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทย โดยจัดการศึกษาพระพุทธศสนาบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม ตามปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัยที่ต้องการให้ศึกษาพระไตรปิฏก และวิชาชั้นสูงสำหรับพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ ทั้งศิษย์ปัจจุบัน และ ศิษย์เก่าของ มจร ได้ออกไปบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งการจัดโครงการบรรพชาสามเณรและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนนี้ ได้เริ่มตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๓  เป็นต้นมาเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทย ให้เป็นคนดีมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ เป็นเยาวชนที่มีความรู้ และมีความประพฤติดีงามตามหลักศีลธรรมของพระพุทธศาสนา เป็นการส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักหน้าที่ มีระเบียบวินัย ใฝ่ใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รู้จักกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ และเพื่อให้เยาวชนได้รู้จักโทษ รวมไปถึงวิธีป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากยาเสพติด อันเป็นภัยอันตรายระดับชาติ ในปัจจุบันนี้

พระมหาประยูร โชติวโร ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต กล่าวต่ออีกว่า ในการจัดอบรมสัมมนาในครั้งนี้ มีหัวหน้าหน่วยโครงการฯ ที่แจ้งความประสงค์ จะขับเคลื่อนตามนโยบายของ มจร แล้วถึง ๔๕๒  แห่งจากทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเชิงปริมาณของผู้ที่จะเข้าอบรมในโครงการฯ มีจำนวน ดังนี้

(๑) สามเณร จำนวน ๓๓,๖๑๒รูป

(๒) เยาวชน จำนวน ๑๖,๙๔๑ คน

(๓) ประชาชนทั่วไป จำนวน ๓๓,๑๕๖ คน

วัตถุประสงค์ในการจัดการอบรมสัมมนาหัวหน้าหน่วยโครงการฯ ครั้งนี้ เพื่อให้หัวหน้าหน่วยมีเทคนิคในการอบรมเด็กและเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ และร่วมกันวางแผนในการพัฒนาการอบรม พัฒนาทีมงานพระวิทยากร ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอบรม เด็กและเยาวชนผู้เข้ารับการอบรมก็จะเป็นคนดีของสังคม ช่วยกันสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา และพัฒนาประเทศชาติสืบไป

การเปิดโครงการและบรรยายพิเศษ โดยพระราชวรมุนี,ดร. (พล อาภากโร ป.ธ.๙) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต รองเจ้าคณะภาค ๖ ได้กล่าวเปิดงานว่า ต้องขออนุโมทนาขอบคุณทุกรูปที่ได้เสียสละทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา เป็นพระพุทธศาสนาเพื่อสังคม และได้ฝากข้อคิดความเห็นให้หัวหน้าโครงการฯต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย ๔ ข้อ คือ

(๑) มีความรู้ดี

(๒) มีความประพฤติเป็นตัวอย่าง

(๓) มีทักษะชีวิต

(๔) มีจิตสาธารณะ

ทำอย่างไรโครงการฯ จึงจะมีศาสนทายาทเพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ต้องคิดใหม่ทำใหม่กำหนดกุศโลบาย สร้างรากแก้วหน่อแก้วของพระพุทธศาสนา ทำให้เด็กมาอยู่กับเรามีพฤติกรรมเปลี่ยนให้ได้ ปลูกศรัทธาผู้ปกครอง อาจใช้ภาษาอังกฤษสอนให้ลูกเณรแผ่เมตตาเป็นภาษาอังกฤษ นำศีล ๕ มาประยุกต์ในโครงการสอนงานคณะสงฆ์ อย่างน้อยที่สุดกิจกรรมสำคัญคือ ทำวัตร บิณฑบาต ปัดกวาดเสนาสนะ บริหารศรัทธาทำให้ชาวบ้านมั่นใจได้ว่า พระสงฆ์พระเณรมีประโยชน์กับสังคม

ภาคบ่ายพระเดชพระคุณพระศรีคัมภีรญาณ,รศ.ดร. รองอธิการดีฝ่ายวิชาการ ได้บรรยายให้ความรู้หัวหน้าหน่วยอบรมว่า ต้องขอบคุณและอนุโมทนากับทุกท่านที่เสียสละทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาและช่วยพัฒนาสังคม การบริการวิชาการแก่สังคมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยผมพูดอยู่ประจำเมื่อมีโอกาสใน ๓ เรื่องสำคัญ คือ

(๑) การปฏิบัติศาสนกิจ

(๒) ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

(๓) โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน

ซึ่งผมทราบว่ามีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในวันนี้กล่าวโดยเฉพาะเรื่องบทบาทพระสงฆ์กับการคาดหวังของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ผมมีข้อคิดความเห็นใน ๗ ประเด็นสำคัญ

(๑) พระสงฆ์สามารถตอบคำถามข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับหลักธรรมคำสอน

(๒) เป็นผู้นำในการประกอบพิธีกรรทางพระพุทธศาสนา

(๓) เป็นคนกลางให้กับชาวบ้าน

(๔) มีสถานที่ปฏิบัติธรรมและนำปฏิบัติได้

(๕) เป็นที่พึ่งในการให้การอบรมลูกหลานชาวบ้าน

(๖) แก้ปัญหาต่างๆให้กับชุมชน และ

(๗) ให้การศึกษาแก่ลูกหลานชาวบ้าน ฝากทุกท่านนำไปต่อยอดและกำหนดทิศทางการทำงานให้ตรงกับความคาดหวังของชาวบ้านและการจัดโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนฯก็จะเป็นประโยชน์กับพระพุทธศาสนาและสังคม

หลังจากนั้นหัวหน้าหน่วยอบรมได้รับการแนะนำเทคนิควิธีการอบรมเด็กและเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพระมหาวิชาญ สุวิชาโน ผู้อำนวยการส่วนวางแผนและพัฒนาการอบรมและทีมงานวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ได้แนะนำเทคนิควิธีที่สนุกสนานและสามารถนำไปใช้ได้จริงในโครงการฯ ภายหลังจากนั้นได้มีพิธีมอบวุฒิบัตรและปิดโครงการฯโดย พระเดชพระคุณพระราชวรมุนี,ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ได้กล่าวขอบคุณและเน้นย้ำอีกครั้งถึงภารกิจสำคัญในการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา

จากการสัมมนาหัวหน้าหน่วยอบรมทั่วประเทศนำไปสู่การลงพื้นที่ปฏิบัติงานตามโครงการที่กำหนดไว้ผลการดำเนินงานหัวหน้าหน่วยโครงการสามารถนำไปใช้ในการบริหารโครงการได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เยาวชนรู้จักโทษของสิ่งเสพติด รู้จักหน้าที่พลเมืองที่ดี มีระเบียบวินัย และใฝ่ใจในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม มีความประพฤติดีปฏิบัติชอบ ถูกต้องตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา มีความรู้ ความเข้าใจและความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมอันดีของชาติ มีรายละเอียดตามตารางแสดงจำนวนผู้เข้าร่วม ดังนี้

 

                         ตารางที่ ๑ แสดงจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน
ที่ รายการ จำนวนรูป/คน ร้อยละ
พระภิกษุ ๑,๕๔๙
สามเณร ๓๒,๙๕๐ ๓๔
ศีลจาริณี ๓,๒๕๙
เยาวชน ๑๘,๙๔๙ ๒๐
ประชาชน ๓๕,๒๙๗ ๓๗
วิทยากร ๔,๓๙๔
รวม ๙๖,๓๙๘ ๑๐๐
 

 

แผนภูมิที่ ๑ แสดงจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน ๒๕๕๙

 

๑.๓.๑ ความคิดเห็นของสามเณรและเยาวชนในโครงการ

       (๑) เหตุผลของการเข้ามาบวชในโครงการ

เมื่อสอบถาม และสังเกตพฤติกรรมของสามเณรและเยาวชนความคิดเห็นในหลาย กลุ่ม ๆ ที่เข้าอบรมในโครงการเข้ารวมโครงการส่วนใหญ่มีศรัทธาในการบวชเป็นพื้นฐานในการเข้าบรรพชาและทั้งนี้อาจเป็นช่วงทางโรงเรียนได้ปิดภาคเรียน โดยส่วนมากเด็กและเยาวชนในต่างจังหวัดไม่ได้ทำอะไรจึงมีความสนใจในกิจกรรมการบวช และต้องการเข้าร่วมโครงการ นอกจากนั้นอาจเป็นเพราะได้รับการปลุกเร้าจากบิดามารดาและญาติ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ตลอดจนคนในสังคม ทำให้เยาวชนมีความต้องการจะเข้าบวชในพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการแสวงหาความรู้ในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงทำให้เยาวชนมีความศรัทธาในการบวชในโครงการฯ ส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้ดี ประพฤติดี ตามหลักศีลธรรมของพระพุทธศาสนาและสอนให้เยาวชนได้รู้จักโทษของอบายมุขและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในระหว่างปิดภาคการศึกษา  สามเณรและเยาวชนที่เข้าอบรมในโครงการที่มีศรัทธาในการบวช ส่วนใหญ่จะมีความสอดคล้องกัน เป็นความเห็นในเชิงบวก เมื่อสอบถามแล้วในประเด็นเหตุของการเข้ามาบวช ส่วนใหญ่ พบว่า เป็นความประสงค์ของผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรได้มีโอกาสใกล้ชิดพระศาสนา รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ประกอบกับเป็นวัดที่อยู่ใกล้ชุมชนเมื่อวัดมีโครงการจึงสนับสนุนให้บุตรเข้ามาบวชเป็นสามเณร นอกจากนั้นยังมีกลุ่มที่ตัดสินใจบวชเองเหตุผลเพราะอยากมีประสบการณ์และเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ หลายรูปเข้ามาบวชเพราะทางโรงเรียนมีโครงการร่วมกับทางวัดและมีพระวิทยากรที่รู้จักและชื่นชมในความรู้ความสามารถของวิทยากร

(๒)  ความกตัญญูกตเวที

เมื่อสอบถามและสังเกตพฤติกรรมของสามเณรและเยาวชนที่เข้าอบรมในโครงการความคิดเห็นในหลายกลุ่ม ๆที่เข้ารวมโครงการส่วนใหญ่ที่บวชโครงการและบวชในพระพุทธศาสนามีความเห็นสอดคล้องกันทั้งหมด คือ มีความกตัญญูกตเวที ในการบวชเพื่ออุทิศแก่บรรพชนต่อพระรัตนตรัยและสนองคุณของบิดามารดา อาจเป็นรากฐานความเข้าใจในจารีตประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ถือปฏิบัติกันสืบมา จึงทำให้เยาวชนเหล่านั้นมีจิตสำนักในพระพุทธศาสนาจึงพบว่ามีความคิดเห็นลักษณะสอดคล้องกันในความคิดเห็นของสามเณรและเยาวชนที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาและส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้ดี ประพฤติดี ตามหลักศีลธรรมของพระพุทธศาสนาพร้อมทั้งสอนให้เกิดความภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ  จากความคิดเห็นของกลุ่มสามเณรและเยาวชนที่เข้าอบรมในโครงการมี ความกตัญญูกตเวที

(๓) ความเป็นผู้มีระเบียบวินัย

จากความคิดเห็นของสามเณรและเยาวชนที่เข้าอบรมโครงการในเรื่องความเป็นระเบียบ พบว่า มีความคิดเห็นในเรื่องของ ความเป็นระเบียบวินัยที่สอดคลองกันจากการสังเกตพฤติกรรมของสามเณรและเยาวชนความคิดเห็นในหลายกลุ่มๆที่เข้ารวมโครงการส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้สามเณรและเยาวชนมีระเบียบวินัย  ให้ทำงานอย่างมีระบบ ให้ควบคุมตนเองได้ ให้นึกถึงสิ่งดี – ชั่ว ให้ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ ให้เชื่อฟังพระอาจารย์และพระพี่เลี้ยง ให้ปฏิบัติศาสนกิจทุกวันและให้ดูแลสิ่งแวดล้อม และรู้จักประหยัดและมัธยัสถ์ เมื่อได้เข้ามาบวชได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนของศาสนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน คิดเห็นระบบ และได้พบว่ามีความคิดเห็นลักษณะสอดคล้องในของสามเณรและเยาวชนที่เข้ามาบวชในโครงการมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาที่มีต่อการพัฒนาพฤติกรรมทางจริยธรรม เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักหน้าที่ มีระเบียบวินัย ใฝ่ใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

(๔) การมีสัมมาคารวะ

จากความคิดเห็นของสามเณรและเยาวชนที่เข้าอบรมในโครงการเมื่อพิจารณาจากการสอบถามสัมภาษณ์ความคิด สังเกตพฤติกรรมที่กล่าวถึงเรื่องการมีสัมมาคารวะ พบว่า มีความคิดเห็น อันได้แก่ การมีความสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี การแสดงความเคารพต่อ ศาสนสถาน การแสดงความเคารพพระอาจารย์และครูที่สอนขณะที่ศึกษาพระธรรมวินัย การแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย การบอกล่าวอาจารย์ เมื่อออกจากวัด การรับผิดชอบต่อหน้าที่ได้รับมอบหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดในการปฏิบัติตามระเบียบของวัด และการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น พร้อมทั้งการรักษาศีลอย่างเคร่งครัดของเยาวชนที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดีจึงทำให้ผู้บวชมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติเป็นอย่างดี  ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์ความพอใจต่อการพัฒนาพฤติกรรมทางจริยธรรมของเยาวชนในการส่งเสริมให้เรียนรู้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

(๕)การใช้ชีวิตร่วมกันในโครงการ

จากความคิดเห็นของสามเณรและเยาวชนที่เข้าอบรมในโครงการเมื่อพิจารณาจาการสอบถามสัมภาษณ์การสังเกตพฤติกรรมของเยาวชนที่เข้าอบรมโครงการมีความคิดเป็นที่สอดคล้องกัน คือ การใช้ชีวิตร่วมกันในโครงการการปลอบใจและให้กำลังใจเพื่อน การยกย่องชมเชยกันเมื่อปฏิบัติดี การดูแลอุปัฏฐากพระอาจารย์ การเอาใจใส่ในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย การรักษาสาธารณประโยชน์การเสนอแนะเพื่อนในทางที่ดี การช่วยเหลือกิจกรรมของวัด และการบอกกล่าวตักเตือนเพื่อนในทางที่ควร เป็นการให้ความสำคัญในเรื่องความมีน้ำใจสูง เพราะได้รับการฝึกอบรมทางด้านจริยธรรมและคุณธรรมอย่างดีจากผู้รับผิดชอบโครงการและได้รับความเอาใจใส่จากพระอาจารย์พี่เลี้ยงเป็นอย่างดี จึงทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีจิตสำนึกเชิงจริยธรรมที่ดี การแบ่งปันลาภสักการะที่เกิดขึ้นในระหว่างบวชอยู่ก็เป็นอีกปัจจัยของพระพี่เลี้ยงที่คอยให้ความเอาใจใส่ดูแล และการให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี เมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่าความเป็นผู้มีน้ำใจสอดคล้องต่อการพัฒนาพฤติกรรมทางจริยธรรมของเยาวชนในการส่งเสริมให้เรียนรู้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

(๖) การได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าประพฤติดี  และการปฏิบัติตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

จากความคิดเห็นของสามเณรและเยาวชน เมื่อพิจารณาจาการสอบถามสัมภาษณ์การสังเกตพฤติกรรมของเยาวชนที่เข้าอบรมโครงการมีความคิดเป็นที่สอดคล้องกัน คือ การได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าประพฤติดี  ปฏิบัติถูกต้องตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา  รู้จักหน้าที่ตนเอง  ตั้งใจปฏิบัติตามระเบียบวินัย   และใส่ใจในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม การได้รู้จักหน้าที่ตนเอง  ตั้งใจปฏิบัติตามระเบียบวินัย   และใส่ใจในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมได้ความสามัคคีในหมู่คณะเข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนานำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และสุดท้ายได้เรียนรู้การแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา

๑.๓.๒ ปัญหาและอุปสรรค

(๑)   งบประมาณจากมหาวิทยาลัยให้น้อยไม่เพียงพอในการดำเนินการ

(๒)   ภาครัฐในส่วนภูมิภาคบางแห่งไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการบรรพชาเยาวชนภาคฤดูร้อน

(๓)   เด็กเยาวชนขาดทักษะในการเขียนและเบื่อการบรรยายธรรมะ

(๔)   ได้รับความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนตำบลน้อยลง

(๕)   เด็กที่เข้าร่วมโครงการอ่านหนังสือไม่ค่อยออก เขียนหนังสือไม่ค่อยถูก ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่

(๖)   ส่วนราชการในแต่ละแห่งให้การสนับสนุนโครงการฯ ด้านงบประมาณแต่มักให้หลังจากโครงการเสร็จสิ้นทำให้ประสบปัญหาด้านค่าใช้จ่ายระหว่างโครงการ

(๗)   บางหน่วยอบรมอยู่ห่างไกลการติดต่อประสานงานไม่ค่อยได้รับความสะดวกเพราะหน่วยอบรมบางหน่วยตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร

(๘)   จำนวนเด็กที่เข้าบรรพชาไม่ได้ตามเป้าหมายเท่าที่ควรเพราะมีผลจากโครงการคณะสงฆ์อีกต่างหาก

(๙)   โรงเรียนบางท้องที่ให้ความร่วมมือน้อยลง

(๑๐) โครงการมีเด็กเข้ามาสมัคเป็นจำนวนมากทางวัดไม่สามารถรับผู้สมัครได้ทั้งหมด

(๑๑) มีจำนวนผู้เข้าบรรพชา  และศีลจาริณีมากเกินจำนวนจริงทำให้ขาดแคลนอุปกรณ์บวช

(๑๒) ขาดทุนทรัพย์ในการซื้อเครื่องนุ่งห่ม ของสามเณรและเยาวชน

(๑๓) ทางโรงเรียนให้การสนับสนุนน้อยมากแต่มักส่งเด็กที่มีปัญหาเรื่องการเรียนเข้ามารับการอบรมและบรรพขาซึ่งไม่ใช้เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้น สถานศึกษาโรงเรียนควรปรับปรุงกับตัวเยาวชนเองควรมุ่งเน้นให้เด็กมีส่วนรวมทางวิชาการ และการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่สังคม

(๑๔) ผู้ปกครองให้การเสริมและสนับสนุนน้อยลง

(๑๕) เด็กส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมไม่สนใจการอบรม

(๑๖) ปัญหาทางด้านสถานที่ที่ไม่เหมาะสม

(๑๗) ปัญหาการประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง

 

๑.๓.๓ ข้อเสนอแนะในการจัดโครงการฯ

(๑) ควรกำหนดโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนที่เป็นยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในแต่ละภูมิภาค

(๒) กำหนดนโยบายร่วมกับระหว่างมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

(๓) กำหนดแผนยุทธศาสตร์การจัดโครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน เพื่อกำหนดเป้าหมายในการดำเนินการในแต่ละปีให้ชัดเจน

(๔) กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการเข้ามาบรรพชาและอบรมให้ชัดเจนว่ากลุ่มไหนที่บวชต่อเพื่อศึกษาเล่าเรียนในแต่ละแผนกที่ต้องการเช่น แผนกนักธรรมและบาลี แผนกพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ หรือมหาวิทยาลัยสงฆ์

(๕) จัดการสัมมนาระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์โครงการบรรพชาและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน

(๖) ควรจัดให้มีการอบรมพระวิทยากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในโครงการฯให้มีความรู้ความสามารถในการอบรมและสามารถบริหารศรัทธาและบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกเหนือจากการอบรมหัวหน้าหน่วยโครงการฯ

IMG_1055 IMG_1056 IMG_1060 IMG_1079 IMG_1080 IMG_1081

 

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.