“รองอธิการ มจร ชื่นชมนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่น ๖๔ ภาคกลาง หวังเป็นกำลังสำคัญช่วยขับเคลื่อนงานคณะสงฆ์ ๖ ด้าน ช่วยบริการสังคมและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย”
เมื่อวันที่ ๒๕ มิ.ย.๒๕๖๑ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ หอประชุม มวก. ๔๘ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยา มจร จัดการปฐมนิเทศก่อนออกปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ ๖๔ ประจำภาคกลาง พิธีเปิดโครงการโดยพระราชวรมุนี,ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต เป็นประธานและบรรยาย หัวข้อ”การปฏิบัติศาสนกิจตามนโยบายของมหาวิทยาลัย” กล่าวรายงานโดยพระมหาราชัน จิตฺตปาโล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต
พระราชวรมุนี,ดร. กล่าวเปิดงานและให้โอวาทตอนหนึ่งว่า …มจร ได้กำหนดให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจจะต้องปฏิบัติศาสนกิจ ในเพศบรรพชิตเป็นเวลา ๑ ปี เพื่อปฏิบัติงานสนองงานในกิจการคณะสงฆ์และสนองงานตามนโยบายและพันธกิจของมหาวิทยาลัย มจร มีพันธกิจ ๔ ด้าน คือ (๑) ผลิตบัณฑิต (๒) วิจัยและพัฒนา (๓) ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม (๔) ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
การปฏิบัติศาสนกิจ มุ่งหวังให้ท่านทั้งหลายได้นำความรู้ความสามารถที่ท่านทั้งหลายได้ศึกษาครบแล้วตามหลักสูตร ซึ่งถือว่าได้ผ่านการฝึกฝนอบรมตน มีคุณลักษณะที่ มจรคาดหวังตามนวลักษณ์ ๙ ประการ หรืออย่างน้อย ๕ ข้อขึ้นไปทุกท่านคงจำได้ คือ (๑) ปฏิปทาน่าเลื่อมใส (วางตัวน่าเข้าใกล้) (๒) ใฝ่รู้ใฝ่คิด(๓) เป็นผู้นำด้านจิตใจและปัญญา (๔) มีทักษะด้านภาษา (๕) มีศรัทธาอุทิศตน (๖) รู้จักเสียสละ (๗) รู้เท่าทันสังคม (๘) สั่งสมโลกทัศน์ (๙) พัฒนานวัตกรรมเชิงพุทธ
คุณลักษณะดังกล่าวจะไปช่วยหนุนเสริมให้การปฏิบัติศาสนกิจของทุกท่านเป็นไปตามพันธกิจในข้อบริการสังคมและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม เป็นการช่วยขับเคลื่อนงานกิจการคณะสงฆ์ทั้ง๖ด้านตามความถนัดที่ทุกท่านได้จัดทำโครงการ โดยเฉพาะงานใน ๔ ด้านสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทุกท่านโดยตรง คือ เผยแผ่ ศึกษาสงเคราะห์ สาธารณูปการ และสาธารณสงเคราะห์
พระมหาราชัน จิตฺตปาโล ได้รายงานต่อประธานว่า การปฏิบัติศาสนกิจมีการพัฒนามาโดยลำดับโดยคณะกรรมการปฏิบัติศาสนกิจ ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติศาสนกิจในรูปแบบของโครงการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งเป็นผลจาการศึกษาและวิจัยโครงการวิจัยและพัฒนาพระนิสิตสู่อุดมการณ์พระพุทธศาสนาเพื่อสังคม และโครงการพระนิสิตธรรมทายาทเพื่อพัฒนาสังคม โดยสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ กองกิจการนิสิต และ สสส. ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๗-๒๕๖๐ โครงการได้สนับสนุนในด้านองค์ความรู้ตั้งแต่กระบวนการเขียนโครงการ การให้แนวคิดการจัดทำโครงการ การจัดทำกระบวนการกลุ่มเพื่อพูดคุยและสร้างความเข้าใจร่วมกัน ผ่านการลงพื้นที่ประชุมพัฒนาโครงการตามวิทยาเขต และวิทยาลัย เพื่อให้พระนิสิตเกิดทักษะในการเขียนโครงการ และสามารถนำทักษะดังกล่าวไปต่อยอดในการจัดโครงการปฏิบัติศาสนกิจที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
ผลการดำเนินการดังกล่าว ได้เกิดโครงการปฏิบัติศาสนกิจต้นแบบ จำนวน ๕๕ โครงการฯ ทั่วประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกและถือเป็นโครงการต้นแบบ เกิดการขับเคลื่อนในระดับนโยบายว่าด้วยการพัฒนาการปฏิบัติศาสนกิจในรูปแบบของโครงการ มีการนำระบบการปฏิบัติศาสนกิจออนไลน์มาสนับสนุนการปฏิบัติศาสนกิจ การพัฒนาสื่อและชุดความรู้โครงการ และ เกิดเครือข่ายความร่วมมือต่าง ๆ ในระดับพื้นที่
การปฐมนิเทศนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ ๖๔ มีวัตถุประสงค์ ๔ ประการ ดังนี้
(๑)เพื่อให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจได้ทราบนโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติศาสนกิจ และสามารถดำเนินการโครงการปฏิบัติศาสนกิจตามนโยบายของมหาวิทยาลัยได้
(๒) เพื่อให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจทราบแนวปฏิบัติและสามารถแปลงนโยบายไปสู่การจัดทำโครงการปฏิบัติศาสนกิจในระดับพื้นที่ได้
(๓) เพื่อให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจได้แลกเปลี่ยนปัญหา อุปสรรคและมีวิธีแก้ปัญหาหรือแนวปฏิบัติที่ดีในการปฏิบัติศาสนกิจตามประเด็นงานกิจการคณะสงฆ์ที่สนใจ
(๔) เพื่อให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจมีทัศนคดีที่ดีและมีจิตสำนึกรักสถาบันและอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม
การปฐมนิเทศนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ ๖๔ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ ในครั้งนี้ มีนิสิตปฏิบัติศาสนกิจเข้าร่วมทั้งสิ้นจำนวน ๑,๗๘๒ รูปทั่วประเทศ และกำหนดจัดในแต่ละภาค ดังนี้
(๑) ภาคกลาง จัดปฐมนิเทศนิสิต วันที่ ๒๔-๒๕ มิถุนายน ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น จำนวน ๔๖๑ รูป
(๒) ภาคเหนือจัดปฐมนิเทศนิสิต วันที่ ๖-๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ณ มจร วิทยาเขตพะเยา ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
(๓) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดปฐมนิเทศนิสิต วันที่ ๑๓-๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ มจร วิทยาเขตขอนแก่น ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และ
(๔) ภาคใต้ จัดปฐมนิเทศนิสิต วันที่ ๑๘-๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ มจร วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ตำบลมะม่วงสองต้น อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
หลังจากนั้น ได้มีการชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติศาสนกิจตามข้อบังคับและการสำเร็จการศึกษาตามนโยบายของมหาวิทยาลัย”โดย พระมหากฤษดา กิตฺติโสภโณ,ดร. ผู้อำนวยการส่วนทะเบียนนิสิต ท่านได้นำเสนอเป็นคำถามและตอบในเรื่องของคุณสมบัติของการปฏิบัติศาสนกิจ การปฏิบัติศาสนกิจ การสำเร็จการศึกษาและการออกหนังสือสำคัญ ผ่านวิธีการบรรยายแบบถามตอบ ๑๗ ข้อตรงประเด็นและง่ายต่อการทำความเข้าใจ
ในช่วงบ่าย พระมหาประยูร โชติวโร ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต ได้ชี้แจงการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติศาสนกิจในรูปแบบของโครงการใน ๔ คำถามสำคัญ(๑)ภาพอนาคตที่ท่านอยากเห็นเมื่อปฏิบัติศาสนกิจจบ (๒) ร่วมค้นหาและแบ่งปันเทคนิคและวิธีการในการปฏิบัติศาสนกิจที่ดี (๓)ใครหรือเครือข่ายไหนสามารถเข้ามาช่วยงานปฏิบัติศาสนกิจเราได้ (๔) เป้าหมายระยะสั้นระยะยาว (ความต่อเนื่องหรือความยั่งยืน)
การประชุมกลุ่มย่อย ๖ กลุ่มได้แก่ (๑) กลุ่มปฏิบัติศาสนกิจด้านการปกครอง (๒) กลุ่มปฏิบัติศาสนกิจด้านเผยแผ่ (๓) กลุ่มปฏิบัติศาสนกิจด้านศาสนศึกษา (๓) กลุ่มปฏิบัติศาสนกิจด้านศึกษาสงเคราะห์ (๔) กลุ่มปฏิบัติศาสนกิจด้านสาธารณูปการ (๕) กลุ่มปฏิบัติศาสนกิจด้านสาธารณสงเคราะห์
การประชุมกลุ่มย่อยมีผู้บริหาร คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ ทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคร่วมเป็นวิทยากรและผู้ช่วยวิทยากรประจำกลุ่ม และจากผลการนำเสนอผลของและกลุ่ม ดำเนินรายการ โดย พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญโญ หัวหน้าภาคจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว พบว่า ในการปฏิบัติศาสนกิจของนิสิตทุกกลุ่มเสนอว่า (๑) ต้องทำงานเชิงรุก เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป (๒)มีการบูรณาการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายให้มากขึ้น (๓) การพัฒนาศักยภาพของนิสิต (๔) ความต่อเนื่องและความยั่งยืนในงานการทำงาน (๕) การสื่อสารสาธารณะ
ในช่วงพิธีปิดการปฐมนิเทศนิสิตก่อนออกปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่๖๔ ประจำภาคกลาง โดย พระมหาราชัน จิตฺตปาโล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ได้อนุโมทนาขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ท่านได้กล่าวถึงความสำคัญของการปฏิบัติศาสนกิจว่ามีการพัฒนาระบบกลไกและกระบวนงานต่างๆที่เกี่ยวข้องมาโดยลำดับเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนิสิตต่างจากสมัยท่านที่ไม่มีการหนุนเสริมหรือเตรียมความพร้อมในลักษณะนี้
การดำเนินการในวันนี้ทำให้ทุกท่านได้ทราบนโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติศาสนกิจ สามารถแปลงนโยบายไปสู่การจัดทำโครงการปฏิบัติศาสนกิจในระดับพื้นที่ มีเวทีในการแลกเปลี่ยนปัญหา อุปสรรคและมีวิธีแก้ปัญหาหรือแนวปฏิบัติที่ดีในการปฏิบัติศาสนกิจตามประเด็นงานกิจการคณะสงฆ์ที่ทุกท่านสนใจ และสำคัญที่สุดเชื่อว่าทุกท่านมีทัศนคดีที่ดีต่อการปฏิบัติศาสนกิจเพื่อสนองงานคณะสงฆ์ ช่วยพัฒนาสังคม มีจิตสำนึกรักสถาบันและอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม หลังจากนั้นได้นำกราบลาพระรัตนตรัยและบันทึกภาพรวมกัน