มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

“รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต เป็นประธานเปิดอบรมเชิงปฏิบัติการ Zoom ออนไลน์ หนุนเสริมการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปสงฆ์ ชี้งานพระศาสนา คืองานที่ต้องทำ ชู ‘ธรรมจาริก” คือโมเดลรูปธรรมความสำเร็จในการทำงาน”

1,811

Loading

วันที่ 24 เมษายน 2565 เวลา 13.00 น. ผ่านระบบ Zoom ออนไลน์ พระเทพเวที (พล อาภากโร ป.ธ.9) เจ้าคณะภาค 6 และรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มจ เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการคณะกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 6 โดยมีเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และเลขานุการ ซึ่งเป็นคณะกรรมการแต่ละฝ่าย พร้อมผู้อำนวยการพระพุทธศาสนาจังหวัดต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ ในเขตปกครองสงฆ์ภาค 6 จำนวน 290 รูป /คน เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน

 

พระเทพเวที กล่าวว่า “การทำงานพระศาสนา คือ งานที่ต้องทำ แม้แผนปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์ ฉบับที่ 1 จะผ่านไปแล้ว และจะมีแผนฯ ฉบับที่ 2 อันใกล้นี้ แต่การดำเนินงานก็ยังต้องทำงานกันต่อไปเพราะงานเหล่านี้ คืองานพระศาสนา โดยเฉพาะงานทั้ง 6 ด้านถือเป็นพันธกิจที่เราต้องดำเนินการ” แต่ที่เรามีแผนปฏิรูปฯ ก็เพื่อให้การดำเนินงานมีความชัดเจนเป็นระบบ เป็นระเบียบ มีต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพราะในแผนจะกำหนดโครงการ/กิจกรรม เป้าหมาย ตัวชี้วัด พร้อมทรัพยากรในการดำเนินการอย่างชัดเจนเป็นระบบ
พระสงฆ์ไทยดำรงตนทั้งในฐานะพลเมืองของประเทศและนักบวชในพระพุทธศาสนา ต้องประพฤติและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎหมายสงฆ์ กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีสงฆ์ ตรงนี้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ต้องให้ความสำคัญและช่วยกันกำกับดูแลปกครองสงฆ์ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย กฎหมายสงฆ์ กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีอันดีงามของคณะสงฆ์ไทยเรา
จากการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา เกิดรูปธรรมความสำเร็จมากมาย ต้องขออนุโมทนากับท่านเจ้าคณะจังหวัด และคณะกรรมการทุกท่านที่ถือเป็นกำลังสำคัญในการทำงานขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานตามนโยบายของมหาเถรสมาคม ซึ่งขอทบทวนและสรุปเป็นภาพรวมให้เห็นภาพร่วมกัน
1.ฝ่ายปกครอง ได้มีการผลักดันให้เกิด “ระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยพระวินยาธิการ พ.ศ. 2562 (ตำรวจพระ) ตรงนี้คณะสงฆ์ภาค 6 เราในระดับจังหวัดต้องนำมาต่อยอดโดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพตำรวจพระของเราให้ท่านได้เป็นช่วยเป็นกำลังสำคัญในช่วยการปกครองสอดส่องดูแลพระภิกษุ สามเณรในเขตปกครองสงฆ์เราได้ประพฤติปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัยและกฎหมายสงฆ์ต้องขันน็อตตรงนี้
นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการในส่วนของการสำรวจฐานข้อมูล ( Data Base) พระภิกษุสามเณร ซึ่งสำนักงานพุทธศาสนาได้ดำเนินการเก็บรวบรวมฐานข้อมูล รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถศาสนบุคคลผ่านโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะแบบการมีส่วนร่วมของพระสงฆ์ในระบบสุขภาพเพื่อสังคมสุขภาวะผ่านกลไกกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ หรือการพัฒนาพระสงฆ์เข้าถึงกองทุนตำบลฯ รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนให้วัด โรงเรียนพระปริยัติธรรม และสถาบันการศึกษาสงฆ์จัดตั้งศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพวิถีพุทธ
2.ฝ่ายศาสนศึกษา ได้มีการผลักดันให้เกิดพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2562 กฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประกาศคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการศึกษาวิชาสามัญเพิ่มเติมของการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม และแผนกบาลี พ.ศ. 2565 ตรงนี้ระดับจังหวัดต้องชัดเจนโดยเฉพาะกลยุทธ์ในการจัดหานักเรียนมาเรียนและการกำหนดจำนวนขั้นต่ำซึ่งต้องดำเนินการให้ถึงที่สุดเพื่อเสนอจำนวนที่เหมาะสมต่อบอร์ดบริหารที่กำกับและดูแล
3.ฝ่ายเผยแผ่ ได้มีระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พ.ศ.2564 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ในส่วนของการดำเนินงานโครงการมีการยกระดับ “โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5” แผ่ขยายไปทั่วประเทศ มีคณะกรรมการขับเคลื่อน ติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ ปัจจุบัน มี พระเทพศาสนาภิบาล วัดไร่ขิง เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน
การเผยแผ่ในพื้นที่ที่เป็นรูปธรรมความสำเร็จ เช่น โครงการธรรมจาริก เป็นโครงการริ่เริ่มโดย นายประสิทธิ ดิศวัฒน์ หัวหน้ากองสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ในยุคนั้น ในคราวที่ท่านอุปสมบทในวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม แล้วไปปรึกษากับ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งสมเด็จ ฯ เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรท่านเห็นด้วย จึงเกิดโครงการนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2508 ก่อนยุคคอมมิวนิสต์เบ่งบาน และเป็นยุคที่ชาวเขาในบ้านเรานิยมปลูกฝิ่นพื่อเลี้ยงครอบครัว และทั้งไม่รู้จัก ใครคือประมุขของชาติโครงการพระธรรมจาริก ศูนย์กลางการบริหารภูมิภาคอยู่ที่วัดศรีโสดา จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนกลางบริหารหลักอยู่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม มีพระเทพกิตติเวที เป็นประธานพระธรรมจาริก
บทบาทการสร้างสังคมคุณธรรมบนพื้นที่สูงดังกล่าว โดยส่วนตัวถือว่าเป็นโมเดลในการทำงานเผยแผ่เป็นพุทธนวัตกรรมตลอด 55 ปีเกิดประโยชน์มหาศาลทั้งในแง่ของความมั่นคงของชาติ และในการดึงคนมาเป็นพุทธมามกะ และรวมทั้งสอนอบรมให้ชาวเขามีความ “กตัญญูต่อแผ่นดินเกิดและถิ่นอาศัย”โดยผ่านการดำเนินงานของพระธรรมจาริก ท่านเจ้าคุณพระอุดมบัณฑิต รองเจ้าคณะภาค 6 ก็มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้
4.ฝ่ายสาธารณูปการ ได้มีการดำเนินการให้มีการจัดทำบัญชีศาสนสมบัติ ผลักดันและดำเนินการโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุขด้วยกิจกรรม 5 ส. (วัด 5 ส.) แผ่ขยายไปทั่วประเทศ มี พระธรรมรัตนาภรณ์ วัดเขียนเขต เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน
5.ฝ่ายศึกษาสงเคราะห์ การยกระดับโรงเรียนการกุศลในวัด โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เพื่อการขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่สังคมตามโครงการขยายโอกาสทางการศึกษาสู่สังคม อาจจะต้องมีการสำรวจ จัดกลุ่ม กำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัดในระดับภาค และจังหวัดของเราให้ชัดเจน
6.ฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ ได้มีการผลักดันให้มีระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยกองทุนวัดช่วยวัด พ.ศ. 2562 การดำเนินงานได้ให้เกิดความร่วมมือกับองค์กรภาคีเครือข่าย บนฐานของธรรมนูญสุขภาพสงฆ์แห่งชาติ พุทธศักราช 2560 ภายใต้การสนับสนุนของภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย พศ.+สช.+สปสช.+สสส. + มจร+ มมร เช่น การอบรมพระคิลานุปัฏฐาก ,หนึ่งวัด หนึ่งรพสต., กองบุญสุขภาวะพระสงฆ์, ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพพระสงฆ์วิถีพุทธ, พระสงฆ์นักสาธารณะสงเคราะห์ ,กุฏิสงฆ์อาพาธ
นอกจากนี้ การทำงานเผยแผ่ที่มีส่วนในการบูรณาการร่วมกันในทุกฝ่าย ตัวอย่าง โครงการธรรมจาริกโมเดลที่มีการบูรณาการทุกฝ่ายเข้าร่วมกัน น่าจะเป็นโครงการแรก ๆ ของคณะสงฆ์ไทยที่ทำงานเผยแผ่และเกี่ยวข้องกับการฝ่ายต่าง ๆ เช่น การสอนศีลธรรมในโรงเรียนบนพื้นที่สูง, โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำยุวพุทธธรรมจาริก,โครงการสอบธรรมศึกษาสนามหลวง โครงการ ปลูกต้นกล้าในนาบุญ , บวชภาคฤดูร้อนชาวเขา หรือแม้กระทั้งโครงการ ธรรมะห่มดอย เป็นต้น
การดำเนินงานตามแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาต้องขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ช่วยกันขับเคลื่อนงานของคณะสงฆ์ทั้ง 6+ 1 คือการพัฒนาพุทธมณฑลจังหวัดต่าง ๆ ด้วย ความชัดเจนในการขับเคลื่อนงานด้านสงเคราะห์และเผยแผ่ต่อจากผม ทุกท่านจะได้รับฟังการบรรยายหลักการ ข้อคิด ความเห็นซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินงานปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาด้านสาธารณสงเคราะห์จากพระมงคลวชิรากร เลขานุการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม และด้านการเผยแผ่จากพระครูโสภณปริยัตยานุกิจ เลขานุการฝ่ายเผยแผ่ของมหาเถรสมาคมต่อไป
สำคัญที่สุด การอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ จะมีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนําเสนอแนวทางการ ดําเนินงานการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ภาค 6 จากเจ้าคณะจังหวัดหรือผู้แทนทุกจังหวัด โดยมีท่านเจ้าคุณพระสุธีรัตนบัณฑิต รศ.ดร. ผู้อํานวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มจร เป็นผู้ดําเนินรายการ ท่านจะได้ช่วยเติมเต็มข้อคิดความเห็นกำหนดเป็นแนวทางร่วมกัน และท้ายที่สุดการปัจฉิมนิเทศปิดการประชุมโดย พระราชปัญญาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 6 พระเทพเวทีกล่าวสรุปท้าย
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.