มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

นิสิตปฏิบัติศาสนกิจ มจร รุ่นที่ 63 ภาคเหนือ 326 รูป ประชุมสรุปผลการปฏิบัติงาน 1 ปี ก่อนรับปริญญา

5,625

Loading

“นิสิตปฏิบัติศาสนกิจ มจร รุ่นที่ 63 ภาคเหนือ 326 รูป ประชุมสรุปผลการปฏิบัติงาน 1 ปี ก่อนรับปริญญาพบปฏิบัติงานสนองงานคณะสงฆ์ ยันพร้อมเดินเครื่องเต็มสูบ ทำงานต่อยอดบูรณาการตามแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา หวังร่วมสร้างพุทธศาสน์ ดำรงศีลธรรม นำสังคมสันติสุขอย่างยั่งยืน”

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2561 ที่ มจร วิทยาเขตพะเยา จังหวัดพะเยา มีสัมมนานิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ 63 ประจำภาคเหนือ เพื่อสรุปผลการปฏิบัติศาสนกิจออกปฏิบัติงาน 1 ปีในเพศบรรพชิตเพื่อสนองงานคณะสงฆ์ และ ช่วยพัฒนาชุมชนสังคม โดยมีพระราชวรมุนี,ดร. (พล อาภากโร) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต และรองเจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานในพิธีและบรรยายพิเศษ หัวข้อ เรื่อง “การปฏิบัติศาสนกิจกับการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา”

พระราชปริยัติ,ดร. รองอธิการบดีวิทยาเขตพะเยา และเจ้าคณะจังหวัดพะเยา ถวายรายงานว่า ในปีการศึกษา 2560 มจร มีนิสิตบรรพชิตออกปฏิบัติศาสนกิจทั่วประเทศ จำนวน1,966 รูปทั่วประเทศ ตามนโยบายของมหาวิทยาลัย หลังนิสิตสอบได้ตามหลักสูตรครบ 4 ปีแล้ว ในปีที่ 5 นิสิตต้องออกปฏิบัติศาสนกิจในเพศบรรพชิตเป็นเวลา 1 ปี (ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.60-วันที่ 30 มี.ค.61) เพื่อช่วยสนองงานในกิจการคณะสงฆ์ และช่วยพัฒนาชุมชนสังคม โดยในช่วงเดือนมีนาคมจะมีการจัดสัมมนาฯเพื่อสรุปผลการดำเนินงานทั่วประเทศเป็นรายภาค และตั้งแต่ปีการศึกษา2559 รุ่นที่ 62 เป็นต้นมา มจร คณะกรรมการปฏิบัติศาสนกิจ โดยมีพระราชวรมุนี,ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต เป็นประธาน ได้กำหนดให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจปฏิบัติงานในรูปแบบของโครงการการปฏิบัติศาสนกิจเพื่อสนองงานคณะสงฆ์ 6 ด้านคือ (1) งานปกครอง(2) งานเผยแผ่ (3) งานศาสนศึกษา (4)ศึกษาสงเคราะห์ (5)งานสาธารณูปการ (6)สาธารณะสงเคราะห์ โดยโครงการจะต้องมีวัตถุประสงค์ วิธีการดำเนินการ และการประเมินผลที่ชัดเจน เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

พระราชวรมุนี,ดร. กล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษ หัวข้อ เรื่อง “การปฏิบัติศาสนกิจกับการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา” ว่า …ตั้งแต่มหาวิทยาลัยมีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ.2540 จัดการศึกษาทางด้านพระพุทธศาสนา เป็นหลัก และมีการบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ มีคณะต่างๆทั้งครุศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ตามลำดับ การผลิตบัณฑิตมีคุณภาพ มีลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ ซึ่งท่านทั้งหลายทราบดีว่า “ลูกศิษย์ มจร เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วผลผลิตของมหาวิทยาลัยต้อง“วิชายอด จรณะเยี่ยม”โดยเฉพาะนวลักษณ์ 9 ประการของมหาวิทยาลัย ท่านต้องจำและนำไปปฏิบัติเป็นแบบอย่างได้ คือ

(1) ปฏิปทาน่าเลื่อมใส
(2) ใฝ่รู้ใฝ่คิด
(3) เป็นผู้นำด้านจิตและปัญญา
(4) มีทักษะด้านภาษา
(5) มีศรัทธาอุทิศตน
(6) รู้จักเสียสละ
(7) รู้เท่าทันสังคม
(8) สั่งสมโลกทัศน์
(9) พัฒนานวัตกรรมเชิงพุทธ

ในฐานะผู้บริหารมหาวิทยาลัยและเจ้าคณะปกครอง ต้องชื่นชมและอนุโมทนากับทุกท่าน ขอให้ท่านได้ภาคภูมิใจสมกับที่ตั้งใจพากเพียรศึกษากันมาจนสำเร็จการศึกษา เป็นบัณฑิต มจร ผมประสงค์ให้ท่านทั้งหลายเป็นไปตามนวลักษณ์อย่างน้อยเน้นการรู้เท่าทันสังคม สร้างนวัตกรรม และมี(1) ความคิดสร้างสรรค์ (2)มุ่งมั่นพยายาม (3) ไม่ห้ามความล้มเหลว (ไม่กลัว) เพราะเราไม่เคยล้มเหลว เพียงแต่ค้นพบวิธีหนึ่งร้อยพันวิธีที่ยังไม่ได้ผล

ท่านจบแล้วสำเร็จการศึกษาแล้วเป็นสินค้าที่ดีจริงหรือไม่ ต้องเหมือนก๋วยเตี๋ยวถ้าอะร่อยถึงอยู่ท้ายซอยคนก็ไปกิน บัณฑิตเราหากมีคุณภาพ เมื่อเขาแต่งตั้งให้เป็นอะไรทำงานก็มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นที่สบายใจของเจ้านาย และเจ้าคณะปกครองของคณะสงฆ์

ส่วนการทำงานต่อยอดกับแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา การมีแผนทำให้เราทำงานเป็นระบบ เป็นระเบียบ มีต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทำงานให้ทะลุซอย พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ บุคลากรต้องมีคุณภาพ มีศักยภาพ พระพุทธศาสนาจึงมั่นคง ประเทศไทยเราเป็นรัฐกึ่งศาสนา(Semi Religious State) คณะสงฆ์ไทยอยู่ภายใต้มีพระธรรม-วินัย กฏหมายสงฆ์ กฏหมายบ้านเมือง และจารีตองค์กรสงฆ์เป็นกรอบในการปฏิบัติ

ในครั้งนี้ ท่านทั้งหลายได้สรุปบทเรียนการปฏิบัติศาสนกิจ และการเชื่อมโยงการปฏิบัติศาสนกิจกับการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา มีประเด็นสำคัญที่อยากฝากให้ทุกท่านได้ตระหนักและให้ความสำคัญ คือ (1) คุณภาพของบัณฑิต ซึ่งเป็นผลผลิตของ มจร (นวลักษณ์) (2)ศักยภาพการทำงานในโลกสมัยใหม่ (3) การทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ (แผนงาน โครงการ) และ (4) การปฏิบัติศาสนกิจที่เชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา

พระมหาถวิล กลฺยาณธมฺโม ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนและวัดผลกล่าวว่า ขอแสดงมุทิตาว่าทีบัณฑิต มจร รุ่นที่ 63 ทุกรูป ขออนุญาตให้ข้อมูลการสำเร็จการศึกษาและการออกหนังสือรับรองผลการศึกษาตามนโยบายของมหาวิทยาลัย ทั้งขั้นตอนการขอเอกสารสำเร็จการศึกษา และอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของทุกท่าน การจะสำเร็จการศึกษาอย่างสมบูรณ์ขอให้ท่านตรวจสอบและรักษาผลประโยชน์ของท่าน ทำตามข้อบังคับและกติกาที่เกี่ยวข้องทำต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำให้สมบูรณ์ด้วยตัวท่านเอง

ในการนำเสนอโครงการต้นแบบของนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ 63 ภาคเหนือ พบว่า บัณฑิต มจร ภาคเหนือ มีโครงการเด่น ๆที่เป็นต้นแบบ จำนวน 12โครงการ คือ (1) โครงการพัฒนาระบบการจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมในชุมชนบ้านบวกโป่ง ตำบลน้ำชำ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ (2) โครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านม่วงคำ จังหวัดแพร่ (3) โครงการวิถีพุทธอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ บ้านแม่ส้าน ชุมชนชาวเขาเผ่าปกากะยอ แม่เมาะ ลำปาง (4)โครงการจัดการขยะอย่างยั่งยืนโดยชุมชนบ้านเหล่าสะอาด (5)โครงการส่งเสริมสุขภาพพระภิกษุ-สามเณรในเขตพื้นที่ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง เชียงราย (6)โครงการเสริมสร้างสุขภาพทางกายของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่2 จังหวัดลำพูน (7) โครงการชุมชนสุขภาวะ-บ้านป่าแป๋ ตำบลป่าพลู อำเภอบ้านโฮ่ง ลำพูน (8) โครงการปลูกป่าด้วยต้นโพธิ์ และไม้มงคล (9)โครงการวัดสะอาดด้วยมือเรา (10) โครงการรัฐศาสตร์อาสาพัฒนาโรงเรียนด้วยค่ายสุขภาวะและค่ายคุณธรรมโรงเรียนบ้านข่อยมิตรภาพที่110 สาขาแม่งาว ลำปาง (11)โครงการรูปแบบการลดพุง ลดโรค ปรับสมดุลเพื่อสุขภาพพระภิกษุ-สามเณร วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย (12) โครงการ”ศีล ทาน ภาวนาเพื่อการพัฒนา จิตใจที่ยั่งยืนและเพิ่มพื้นที่ปลอดอบายมุข”

หลังจากนั้นได้มีการประชุมกลุ่ม 6 กลุ่ม คือ (1)บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานปกครอง (2) บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานเผยแผ่ (3)บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานศาสนศึกษา (4)บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับศึกษาสงเคราะห์ (5)บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานสาธารณูปการ(6)บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับสาธารณะสงเคราะห์

การประชุมกลุ่มย่อยมีผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กิจการนิสิตส่วนภูมิภาค ประจำภาคเหนือ ร่วมเป็นวิทยากรประจำกลุ่มเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้ร่วมกัน 2 ประการ คือ (1)สิ่งที่อยากพัฒนาสำหรับการปฏิบัติศาสนกิจของนิสิตในอนาคต 5 ประเด็นสำคัญ ทั้งการสนับสนุนตามแผนการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา (6+1)การสนับสนุนเครือข่าย และการพัฒนาศักยภาพนิสิตปฏิบัติ การสนับสนุนเชิงวิชาการ/การวิจัย การขยายผลและความยั่งยืน และอื่นๆ (2)สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง แก้ไข จากการปฏิบัติศาสนกิจ

จากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้มีการยกระดับการปฏิบัติศาสนกิจ 4 ประเด็น ดังนี้ (1) มีการขับเคลื่อนโครงการปฏิบัติศาสนกิจต้นแบบ (2) มีการขับเคลื่อนในระดับนโยบายว่าด้วยการพัฒนาการปฏิบัติศาสนกิจ (3) มีการพัฒนาสื่อและชุดความรู้โครงการ (4) มีเครือข่ายความร่วมมือในการทำงาน

เห็นได้ว่า การสัมมนานิสิตปฏิบัติศาสนกิจในครั้งนี้นิสิตมีโอกาสในการทำงานร่วมกับพระสงฆ์นักพัฒนาและองค์กรภาคีเครือข่าย ส่งผลให้นิสิตได้รับประสบการณ์การทำงานที่หลากหลายเป็นประโยชน์กับพระพุทธศาสนาและสังคม การที่สังคมโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยปัญหานานัปประการ ต้องการองค์ความรู้รอบด้านเพื่อนำมาจัดการกับปัญหาและพัฒนาสังคมโลก รวมทั้งองค์ความรู้พุทธธรรม ที่ยิ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ในการนำมาบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อพัฒนาการปฏิบัติศาสนกิจ ของ มจร ในอนาคต การที่นิสิตได้เห็นแนวทางในการทำงาน หลายท่านมีกำลังใจ ยืนยันพร้อมทำงานต่อยอดบูรณาการงานตามแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน พระมหาราชัน จิตฺตปาโล กล่าวสรุปในช่วงท้าย

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.