“นิสิตทุนเล่าเรียนหลวง กับกิจกรรมจิตอาสาตามแนวพระราชดำริ”
วันนี้ (4มี.ค.62) ที่ห้องประชุมเธียร์เตอร์ โซน D พระราชวรมุนี,รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ได้เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “นิสิตทุนเล่าเรียนหลวง กับกิจกรรมจิตอาสาตามแนวพระราชดำริ” ท่านได้กล่าวเปิดงานและชื่นชมนิสิตทุนเล่าเรียนหลวงว่าการที่ทุกท่านได้ถูกคัดเลือกเป็นนิสิตทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ถือว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามที่โครงการทุนเล่าเรียนหลวงและมหาวิทยาลัยกำหนด นับเป็นเกียรติประวัติแก่ตัวท่าน ครอบครัว วัด และมหาวิทยาลัย
การจัดประชุมวันนี้ จากการถวายรายงานมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับพิธีถวายทุนเล่าเรียนหลวงพระราชทาน สำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปีการศึกษา 2561 ในวันที่ 5 มีนาคม 2562 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการถอดบทเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมจิตอาสาตามแนวพระราชดำริที่นิสิตทุนเล่าเรียนหลวงได้ดำเนินการผ่านกิจกรรมต่างๆ
นิสิต มจร มีนวลักษณ์ 9 ประการ คือ ปฏิปทาน่าเลื่อมใส ใฝ่รู้ใฝ่คิด เป็นผู้นำด้านจิตใจและปัญญา มีทักษะด้านภาษา มีศรัทธาอุทิศตน รู้จักเสียสละ รู้เท่าทันสังคม สั่งสมโลกทัศน์ พัฒนานวัตกรรมเชิงพุทธ เชื่อว่าทุกท่านมีอย่างน้อยที่สุด 5 ข้อ ในฐานะรองอธิการบดีที่กำกับดูแลงานกิจการนิสิตใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ผูกคำและมีนโยบายให้นิสิตจำและนำไปปฏิบัติ ซึ่งมจร ได้ฝึกฝนพัฒนาท่านผ่านการจัดการเรียนเรียนการสอน และกิจกรรมพัฒนานิสิตในรูปแบบต่าง ๆ เป้าหมาย”วิชายอด จรณะเยี่ยม” จึงเป็นคุณลักษณะความนิสิต มจร ที่ต้องการของเรา
ในวันพรุ่งนี้เป็นโอกาสที่ทุกท่านจะได้แสดงนวลักษณ์9 ประการ โดยเฉพาะ 3 ข้อสำคัญ คือ ข้อ 1 ปฏิปทาน่าเลื่อมใส่ ข้อ 5 มีศรัทธาอุทิศตน และ 6 รู้จักเสียสละ ซึ่งจะทำให้ทุกท่านได้แสดงคุณลักษณะความเป็นนิสิตที่ดีตามวัฒนธรรมองค์กรนิสิตของ มจร ให้เป็นที่เจริญศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและสาธารณชนโดยทั่วไป คุณลักษณะอื่นก็สำคัญแต่การเลือกคุณธรรมมาใช้ให้เหมาะสมกับกาลเทศะถือเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมตามกาลและเวลา เช่น บ้านเมืองเราบางยุคบางสมัยก็ใช้เรื่องพอเพียง มีวินัย สุจริต และจิตอาสา หรือความสามัคคี ปรองดอง เป็นต้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นิสิต มจร เราอาจมีความแตกต่างจากผู้ที่เรียนบาลีนักธรรมหรือฝ่ายวิปัสสนาจารย์ เพราะเราศึกษาเล่าเรียนทั้งพระพุทธศาสนาและศาสตร์สมัยใหม่ คุณลักษณะของพวกเราจะแตกต่างบ้าง และมีส่วนที่เป็นลักษณะเฉพาะ ในการการจัดการศึกษาด้านศาสนศึกษาอื่นๆเช่น การมี พรบ.พระปริยัติธรรม ถือเป็นโอกาสของทุกท่านที่สำเร็จการศึกษา จาก มจร ที่จะไปปฏิบัติหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของบุคลากรศาสนศึกษาทั้งนักธรรม บาลี และพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ จึงเป็นโอกาสในการทำงานรับใช้คณะสงฆ์ ชุมชนและสังคมตามอำนาจหน้าที่ที่พรบ.พระปริยัติธรรมกำหนดไว้
หลังจากนั้นได้มีการประชุมกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม นำกระบวนกรโดย พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ,ผศ.ดร. หัวหน้าภาคจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว ท่านได้ชี้แจงและให้แนวทางการในการดำเนินการเพื่อประชุมกลุ่มย่อยโดยให้หลักคิดและกระบวนการทำ CCS project มาแบ่งปันกับพระสงฆ์ที่เข้ารับทุนเพื่อเป็นกรอบสำคัญในการคิดประเด็นร่วมโดยมีการระดมความคิดเห็นใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ กิจกรรมจิตอาสาที่ท่านดำเนินการ แนวปฏิบัติที่ดีที่ท่านอยากแบ่งปัน และปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ
จากการรายงานผลการประชุมกลุ่มย่อย พบว่า นิสิตทำกิจกรรมจิตอาสาที่หลากหลาย เน้นการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศ และบูรณาการกับการสอนศีลธรรมเด็กและเยาวชน กิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม การส่งเสริมพุทธศิลป์ การพัฒนวัดให้เป็นพื้นที่ทางสังคมและแหล่งเรียนรู้ และบทบาทพระสงฆ์กับผู้นำด้านสุขภาวะ ซึ่งเน้นหลักเศรษฐกิจพอเพียง สุขภาวะและจิตอาสาเป็นหลักคิดสำคัญในการทำกิจกรรม
พิธีปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ได้รับความเมตตาจากพระมหาราชัน จิตฺตปาโล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต เก้นประธาน ท่านอนุโมทนาชื่นชมนิสิตที่ได้ร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี การถอดบทเรียนกิจกรรมจิตอาสาและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นนิสิตทุนเล่าเรียนหลวงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขออนุโมทนาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง